วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

เจ้าหญิงกับดอกไม้แก้วสีแดง

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
มีเจ้าหญิงของเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง
ชอบออกไปเก็บดอกไม้ใกล้ๆ ป่าเป็นประจำ










วันนี้ก็เหมือนกัน เจ้าหญิงก็ได้ไปเก็บดอกไม้ที่เดิม
เพียงแต่ว่า เมื่อเจ้าหญิงวางตะกร้าใส่ดอกไม้ทิ้งไว้
เพื่อไปเก็บดอกไม้สักพัก พอกลับมาก็เห็นว่ามี
ดอกไม้แก้วสีแดง วางอยู่ในตะกร้า
พร้อมกับเสียงชายลึกลับบอกว่า
"ข้ามอบมันให้ท่าน เจ้าหญิง"







หลังจากวันนั้น ทุกครั้งที่เจ้าหญิงออกมาเก็บดอกไม้
เจ้าหญิงก็จะพบดอกไม้แก้วสีแดงอยู่เสมอ

เจ้าหญิงไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นผู้ที่นำมาให้แต่ก็เริ่มมีความรู้สึกดีๆให้กับผู้นั้น จึงคิดว่าสักวันหนึ่งจะต้องพบกับคนผู้นั้นให้ได้







จนวันหนึ่ง เจ้าหญิงได้ออกไปเก็บดอกไม้เร็วกว่าทุกวัน เพราะหวังว่าจะได้พบกับผู้ที่คอยแอบนำดอกไม้แก้วสีแดงมาให้

เมื่อไปถึง เจ้าหญิงก็มองเห็นเขาผู้นั้น กำลังนำดอกไม้แก้วสีแดงมาวางพอดี

แต่ว่าเขาผู้นั้นรู้ตัวจึงได้รีบวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าลึก




เจ้าหญิงจึงรีบวิ่งตามเข้าไปในป่าลึก ที่ๆ ซึ่งมีอันตรายเต็มไปหมด โดยคิดว่าจะตามทัน
แต่ก็ตามไม่ทัน










แต่ในป่านั้น ยิ่งลึกยิ่งอันตราย เจ้าหญิงพบกับหมาป่า และกำลังจะถูกหมาป่าทำร้าย
เจ้าหญิงตกใจมาก จึงสลบไป










เมื่อเจ้าหญิงได้สติรู้สึกตัวอีกครั้งก็ไม่มี พวกหมาป่าแล้ว และตัวเจ้าหญิงเองก็มาอยู่ใกล้ๆ กับปราสาทของตัวเอง
แม้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนมาช่วย แต่เจ้าหญิงก็มั่นใจว่าต้องเป็นผู้ที่นำดอกไม้แก้วสีแดงมาให้ทุกวันเป็นคนช่วยแน่ๆ







หลังจากวันนั้น เจ้าหญิงก็ถูกพระราชาห้ามออกนอกปราสาทไปเก็บดอกไม้อีกเลย เจ้าหญิงจึงได้แต่นั่งมองดอกไม้แก้วสีแดงนั้นอยู่ในห้องอย่างเดียว










พระราชาเห็นว่าเจ้าหญิงจะเหงาเลยจะให้เจ้าหญิงแต่งงานกับเจ้าชายที่เลือกไว้
แต่เจ้าหญิงไม่ยอม และบอกว่าจะแต่งงานกับผู้ที่นำดอกไม้แก้วสีแดงมาให้เท่านั้น









 เวลาผ่านไปหลายวัน ก็ยังไม่มีใครสามารถหาดอกไม้แก้วสีแดงมาได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะหาดอกไม้นั่นได้ที่ไหน

แต่มีเพียงเจ้า่ชายจากเมืองใกล้ๆเท่านั้นที่รู้ว่าจะไปหาที่ไหน เจ้าชายจึงมุ่งหน้าเข้าไปในป่าลึกทันที







เจ้าชายต้องต่อสู้กับฝูงหมาป่าที่เข้ามารุมทำร้าย จนหมดแรง











เมื่อฝูงหมาป่าหนีไปจนหมด เจ้าชายก็ได้พบกับปีศาจ จึงพุ่งเข้าต่อสู้ทันที











และแล้วเจ้าชายได้ใช้ดาบแทงไปที่หัวใจของเจ้าปีศาจตอนที่มันเผลอ











หลังจากนั้นเจ้าชายจึงได้พบกับดอกไม้แก้วสีแดง
เจ้าชายดีใจมาก จึงรีบนำกลับไปมอบให้เจ้าหญิงทันที
เมื่อเจ้าชายได้พบเจ้าหญิงจึงได้มอบดอกไม้แก้วให้กับเจ้าหญิง แล้วจึงบอกว่า คนที่นำดอกไม้แก้วสีแดงมาให้เจ้าหญิงทุกครั้งที่เจ้าหญิงมาเก็บดอกไม้ในป่านั้นก็คือเราเอง






เมื่อเจ้าหญิงได้ฟังก็ดีใจมาก จึงยินดีที่จะแต่งงานกับเจ้าชายทันที
และแล้ว ทั้งสองคนก็ได้แต่งงานกันอย่างมีความสุข ตลอดไป

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

รักของผีเสื้อ (ยังไม่เสร็จ)



หนอนผีเสื้อสองตัวอาศัยอยู่บนต้นไม้ต้นเดียวกัน
ขณะกำลังหาอาหารก็บังเอิญได้พบกัน
เกิดเป็นรักแรกพบขึ้นทันที










ทั้งสองได้ตัดสินใจที่จะอยู่ด้วยกัน จึงได้ช่วยกันสร้างที่พักอาศัยและเพื่อกลายเป็นดักแด้พร้อมกัน











แล้ววันที่ทั้งสองกลายเป็นดักแด้ก็มาถึง
ทั้งสองสัญญาว่า ไม่ว่าต่างฝ่ายจะกลายเป็นอะไร
ก็จะรักกันอยู่เหมือนเดิม










ฝ่ายหนึ่งกลายเป็นผีเสื้อราตรี ที่แพ้แสงอาทิตย์
ตื่นตอนกลางคืน และนอนหลับตอนกลางวัน











อีกฝ่ายกลับกลายเป็นผีเสื้อกลางวัน
นอนหลับยามกลางคืน ตื่นยามกลางวัน











แม้การใช้ชีวิตจะต่างกัน แต่ทั้งสองก็ยังคงรักกันอยู่เหมือนเดิม
แม้มีแค่เพียงช่วงเวลาใกล้เช้า กับ ก่อนมืดเท่านั้น
ที่ทั้งสองจะได้ใช้เวลาร่วมกัน ก่อนอีกฝ่ายหนึ่งจะหลับ มันก็มีความสุขเพียงพอแล้ว








เย็นวันหนึ่ง ยามที่ผีเสื้อราตรีตื่นขึ้นมา กลับไม่เหมือนเดิม ไม่มีผีเสื้อกลางวันอยู่ข้างกายเหมือนทุกวัน
มันจึงเฝ้ารอไม่ออกไปหาอาหารอยู่ไม่ไปไหนจนถึงเช้าอีกวันหนึ่ง








มันรอจนสายแล้วผีเสื้อกลางวันที่เป็นที่รักของมันก็ยังไม่กลับ
ความเป็นห่วงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มันจึงตัดสินใจบินออกไปตามหาทันที









มันบินฝ่าแสงแดดไปยังทุ่งดอกไม้ที่ผีเสื้อกลางวันชอบไป
แม้จะเจ็บปวดจากการแพ้แสงอาทิตย์
แม้ปีกจะค่อยๆขาดจากแสงแดด
แม้ไม่รู้ว่าจะเจอหรือไม่
มันก็ทนบินฝ่าไป







และเมื่อถึงทุ่งดอกไม้ มันก็พยายามตามหาแต่ก็ไม่เจอ  ผีเสื้อราตรีตัวน้อยก็เลยนั่งพักหลับแสงแดดอยู่ใต้ดอกไม้ดอกใหญ่สักพัก ก่อนจะออกตามหาอีกครั้ง









แต่ขณะที่มันยังไม่ทันได้ออกตามหา มันก็ถูกมนุษย์จับได้เสียก่อน
มันถูกพาไปโดยมิอาจขัดขืน
เมื่อไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งมันก็ถูกกดลงกับพื้น
แล้วก็....








"ฉึก"
มันได้ถูกเข็มหมุดเสียบติดกับพื้น
เจ้าผีเสื้อพยายามดิ้นออกจากหมุด
แต่ก็ทำไม่ได้ มันไม่มีแรงเหลืออีกแล้ว
ไม่สามารถไปไหนได้อีกแล้ว
และกำลังจะ "ตาย"







มันรู้สึกเสียใจมาก ไม่ใช่เสียใจที่มันกำลังจะตาย
แต่เสียใจที่มันจะไม่ได้พบกับผีเสื้อกลางวันที่เป็นที่รักของมันอีกต่อไปแล้ว
มันได้แต่มองไปรอบๆ แล้วก็นึกฝันไปเองว่าอาจจะได้พบกันผีเสื้อที่รักของมันอีกสักครั้ง








แล้วมันก็ได้หันไปพบกับสิ่งที่มันคิดว่าฝันไป
แต่มันไม่ได้ฝันไปแน่ๆ
มันได้พบกับผีเสื้อกลางวันแล้ว เธออยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง









มันเรียกผีเสื้อกลางวัน แต่ก็ไม่มีคำตอบกลับมา
แต่มันก็ยังพยายามตะโกน เพื่อให้ผีเสื้อกลางวันได้ยินว่ามันอยู่ตรงนี้
มันพยายามเอื้อมมือไปหาแต่ก็ไม่ถึง









ไม่มีแม้แต่เสียงตอบกลับจากเธอ
ไม่แม้แต่จะขยับ
ผีเสื้อกลางวันยังคงหลับตาเหมือนเดิม










สุดท้ายมันก็ได้รู้
ว่าทำไมเธอถึงไม่ตอบ
ว่าทำไมเธอถึงไม่ลืมตา
ว่าทำไมเธอถึงไม่กลับบ้าน
ทุกคำตอบนั้นอยุ่ที่หมุดเล่มเดียวเท่านั้นที่ปักอยู่ที่ตัวของเธอ






ดวงตาของมันเริ่มพร่าเลือน มันพยายามเอื้อมมือไปหาแม้รู้ว่าจะไม่ถึงเป็นครั้งสุดท้าย
แต่ก่อนที่ทุกสิ่งจะเริ่มเลือนลางหายไป
มีบางอย่างกลับยิ่งชัดเจนขึ้น









ภาพความทรงจำแห่งความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันได้ส่องแสงสว่างชัดเจนอยู่ในใจของมันอีกครั้ง
ก่อนจะดับวูบไป
.
.
.







ตอนนี้เหลือเพียงซากแห่งความทรงจำเล็กของผีเสื้อน้อยทั้ง 2 อยู่เคียงข้างกันตลอดไป

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

นางเงือกผู้ใจดี

บนเกาะเล็กๆที่ห่างไกลจากโลกภายนอก
มีชาวเงือกจำนวนหนึ่งอาศัยอยู่อย่างสงบ
มาเป็นเวลานาน
ชาวเงือกนั้นสามารถเปลี่ยนขาให้กลายเป็นหางปลาได้ตามใจชอบ และชอบเก็บไข่มุกใต้ท้องทะเลมาทำเป็นเครื่องประดับเสมอ







ในวันหนึ่งมีมนุษย์คนหนึ่งหมดสติอยู่ริมชายหาด
ชาวเงือกจึงช่วยเหลือไว้ และให้พักอาศัยอยู่บนเกาะ










หลายวันผ่านไปชายหนุ่มอาการดีขึ้นแล้วแต่เขา
ไม่สามารถออกจากเกาะได้เพราะเกาะนั้นอยู่ห่างไกลจากแผ่นดินมาก
และชาวเงือกก็ไม่ยอมให้ชายหนุ่มออกจากเกาะเพราะกลัวมนุษย์จะรู้ที่อยู่ของเกาะ
แต่มีนางเงือกผู้ใจดีตนหนึ่งได้เฝ้ามองอยู่ด้วยความสงสาร






นางเงือกผู้ใจดีจึงบอกกับชายหนุ่มว่าอีกไม่กี่วันจะมีเรือของมนุษย์ผ่านมาใกล้ๆ
และจะนำทางไปหาเรือลำนั้นเอง
เมื่อวันที่เรือมาถึงนางเงือกผู้ใจดีก็ได้พาชายหนุ่มไปที่เรือลำนั้นตามที่บอก








หลังจากที่ชายหนุ่มจากเกาะไปไม่นาน
ก็มีเรือลำหนึ่งเข้ามาที่เกาะ
ชาวเงือกบนเกาะต่างประหลาดใจมาก










ทันทีที่เรือมาถึงเกาะคนบนเรือลำนั้นต่างก็ลงมาที่แล้วก็วิ่งเข้ามาทำร้ายชาวเงือกทั้งหลายเพื่อที่จะแย่งชิงไข่มุกจากชาวเงือกทั้งหมด










ชาวเงือกต่างพากันหนีลงทะเล
และรวมกลุ่มกันเพื่อหาเกาะอื่นอาศัย
แต่ทั้งหมดต่างก็คิดว่าเป็นความผิดของเงือกผู้ใจดีตนนั้น
ที่ปล่อยให้ชายหนุ่มออกไปจากเกาะ
และต่างก็ไม่ให้นางเงือกผู้ใจดีไปด้วย
จึงทิ้งให้นางเงือกอยู่ตามลำพัง







สุดท้ายนางเงือกผู้ใจดีจึงถูกทิ้งไว้ให้อยู่เพียงตนเดียวท่ามกลางท้องทะเลที่กว้างใหญ่ตลอดไป

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กระต่ายหลงจันทร์

มีกระต่ายตัวหนึ่งได้เฝ้ามองดวงจันทร์มานาน
แสนนาน
มันชอบเวลาจันทร์เต็มดวงที่สุด











จนคืนหนึ่งมันรู้สึกว่ามันได้หลงรักพระจันทร์
เข้าแล้ว
และมันก็คิดว่าวันหนึ่งมันต้องขึ้นไปหา
พระจันทร์ให้ได้









เมื่อกระต่ายตัวอื่นๆรู้จึงบอกว่ามันบ้าไปแล้ว
ไม่มีกระต่ายตัวใดไปอยู่บนพระจันทร์ได้หรอก
แต่มันก็ไม่ได้สนใจและเริ่มออกเดินทาง
เพื่อไปหาพระจันทร์









มันพยายามหายอดเขาที่สูงที่สุดเพื่อปีนขึ้นไป
หาพระจันทร์
และแล้วมันก็ได้พบกับสิ่งที่มันต้องการ










มันจึงเริ่มปีนขึ้นไป
สูงขึ้น
สูงขึ้นเรื่อยๆ
แม้จะลำบากและเหน็ดเหนื่อยเพียงใด
เพื่อพระจันทร์ที่มันรัก
กระต่ายจึงพยายามปีนต่อไปจนถึงยอดเขาจนได้







เมื่อถึงยอดเขาเจ้ากระต่ายก็ได้นั่งมองพระจันทร์
และนึกถึงภาพที่มันฝันไว้
การได้อยู่กับพระจันทร์ที่มันรัก
ใกล้จะเป็นความจริงแล้ว









พระจันทร์ที่มันเห็นตอนนี้ช่างอยู่ใกล้เหลือเกิน
แต่ก็ยังไม่ใกล้พอที่ได้ไปหาได้
มันจึงปีนต้นไม้บนยอดเขาขึ้นไป
เพื่อให้ได้ใกล้กับพระจันทร์ขึ้นอีกสักนิด









อยู่บนยอดไม้ ดวงจันทร์ช่างใกล้เหลือเกิืน
มันพยายามเอื้อมมือไปสัมผัส
แต่ก็ไม่ถึง
ใกล้แค่เพียงนี้ก็ยังไม่สามารถไปหาได้
มันจึงตัดสินใจรวบรวมแรงทั้งหมดเท่าที่มี
กระโดดไปหาพระจันทร์ที่มันรัก







ตุ้บ


ช่างห่างไกล และเย็นชายิ่งนัก
เจ้ากระต่ายมองดวงจันทร์เป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนที่จะหลับตาลงไป

ตลอดกาล